เมื่อฉันเป็นมะเร็ง
วันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2556 เตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด โรงพยาบาลสงฆ์ กรุุงเทพมหานคร |
หลังจากผ่าตัด ออกจากห้อง ICU 16 ก.ย.2556 โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพมหานคร |
ก่อนอื่นต้องขอเจริญพรขอบคุณผู้ริเริ่มโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และนายแพทย์ธีรภัทร์ จงสัจจา แพทย์ผู้ผ่าตัด พญ.คณิศา รองศรีแย้ม แพทย์รังสีรักษา (การฉายแสง) โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลสงฆ์ พยาบาล หัวหน้าตึก โสต ศอ นาสิก พยาบาลทุกท่าน รวมถึงพนักงานโรงพยาบาล และ ญาติโยมที่บริจาคทรัพย์ให้กับโรงพยาบาลทุกท่าน ตลอดถึงญาติโยมผู้มีศรัทธาบริจาคทรัพย์ อาหาร เครื่องดื่ม ให้กับพระภิกษุสงฆ์ผู้อาพาธ ให้กำลังเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ผู้อาพาธมีชีวิตอยู่สู้กับโรคภัยที่เป็นหรือผจญอยู่ รวมถึงพระอธิการอุทัย ปญฺญาทีโป เจ้าอาวาสวัดสุขสำราญ และญาติโยมบ้านสุขสำราญ ญาติโยมบ้านนาทราย ตำบลหนองแวง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว รวมถึงกรรมการวัดสุขสำราญทุกท่าน ที่ได้ช่วยเหลือทั้งกำลังทรัพย์และกำลังใจแก่อาตมา
พูดถึงความตายสักนิด ความตายเป็นธรรมชาติอย่างหนี่งของชีวิต ความตายเป็นผลจากการเกิด มนุษย์เมื่อเกิดมาแล้วต้องตายทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจน เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐี เป็นพระราชามหากษัตริย์ เมื่อถึงเวลาก็ต้องตายทุกคน ความตายไม่เป็นผลต่อการเป็นมะเร็งของอาตมา เพราะถึงแม้ว่าอาตมาไม่เป็นมะเร็งอาตมาก็ต้องตายอยู่แล้ว แต่การเป็นมะเร็งนั้นโอกาสตายก่อนไม่เป็นมะเร็งนั้นมีมาก แต่ก็ไม่แน่เสมอไป ไม่เป็นมะเร็งอาจตายก่อนเป็นมะเร็งก็ได้ ใครจะไปรู้ ความเป็นอนิจจังนั้นมีอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ในส่วนตัวก็ได้พิจารณาแล้วว่า เป็นการดีอย่างหนึ่งที่ได้เป็นมะเร็ง เพราะทำให้ชีวิตตื่นตัวไม่ประมาท อาจจะเป็นเพราะความโชคดีของอาตมาก็ได้
ในท้ายๆ ของชีวิตที่เหลือนี้จะได้กระทำความดีความถูกต้อง ทำอะไรฝากไว้บ้างเมื่อมีโอกาสได้เกิมมาเป็นมนุษย์และได้พบกับพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่เลิศที่ประเสริฐเพราะสามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ และอีกประการหนี่งพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่ง อเทวนิยม คือเชื่อการกระทำ เชื่อผลของการกระทำว่าทำดี ดี ทำชั่ว ชั่ว ไม่เชื่อสิ่งดลบันดาลใดๆ ทั้งปวง แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายท่านก็ได้ยกย่องสรรเสริญพระพุทธศาสนาไว้ อาทิเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นต้น
อาตมาได้เขียน blog ต้องขอขอบคุณ Google ที่ได้ให้เนื้อที่ในการเขียน อาตมาได้รวบรวมสิ่งที่เป็นประโยชน์ไว้ให้ท่านผู้ที่ยังมีชีวิตได้ศีกษา ในยุคข้อมูลข่าวสารก็ใช้ยุคให้เป็นประโยชน์ ก็พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งมาให้ศึกษากัน ได้คัดลอกโค๊ดวิดีโอของ youtube เกี่ยวกับมะเร็ง เกี่ยวกับธรรมะ พร้อมทั้งเสียงธรรม mp 3 โดยรวบรวมจากพระอาจารย์ที่ท่านเป็นผู้รู้ในการสอนฝึกหัดปฏิบัติธรรม ให้ความรู้ในด้านวิชาการอาทิเช่นพระเดชพระคุณ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต) วัดญาณเวศกวัน จังหวัดนครปฐม พระเดฃพระคุณหลวงพ่อพุทธทาส อินฺทปญฺโญ พระเดชพระคุณหลวงพ่อชา สุภทฺโท หลวงพ่อปัญญานันทะ วัดชลประทานรังสฤษดิ์ พระครูเกษมธรรมทัต วัดมเหยงค์ พระนครศรีอยุธยา พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคโต จังหวัดชัยภูมิพระครูวินัยธรภาณุวัตร์ ปชฺโชโต วัดสันติธรรมไทยสามารถ อำเภออรรัญประเทสศ จังหวัดสระแก้ว ฯลฯ ให้ท่านทั้งหลายได้รับฟังธรรม รับฟังข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ บางท่านอาจจะเครียดก็มีเพลงให้ฟังด้วย
ท้ายสุดก็ขออ้างอิงคุณพระศรีรัตนตรัยด้วยสัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมา นุภาเวนะ สัพพะสังฆา นุภาเวนะ ด้วยอานุภาพแห่งคุณของพระพุทธเจ้าทั้งปวง ด้ วยอานุภาพแห่งคุณของพระธรรมทั้งปวง ด้วยอานุภาพแห่งคุณของพระอริยสงฆ์ทั้งปวง ตลอดถึงบุญกุศลที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้วทั้งที่ได้กล่าวนามและไม่ได้กล่าวนาม ขอให้ท่านทั้งหลายจงมีแด่ความสุขความเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยทั้งสี่ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ และขอให้ท่านทั้งหลายจงปราศจากโรคาพยาธิด้วยกันทุกท่านทุกคน เทอญ
พระภิกษุประกิจ วรกิจฺโจ (ปรีชาชาญ)
รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง
ปัจจุบันอายุ 61 ปี 10เดือน 2 วัน จำพรรษาอยู่ที่วัดสุขสำราญ ตำบลหนองแวง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว จำพรรษาอยู่ที่นี่ได้ 3 พรรษาแล้ว ตั้งแต่ออกพรรษาปี 2554
พรรษาปี 2555 ได้สวดปาฏิโมกข์ให้วัดสุขสำราญ สวดที่อุโบสถน้ำ มีอยู่ปาฎิโมกข์หนึ่งในขณะที่สวดอยู่นั้นลิ้นได้ไปสัมผัสกับตุ่มๆ หนึ่งซึ่งวอกออกมาที่บริเวณใต้ลิ้นด้านซ้าย ประมาณหนึ่งเดือนจึงได้ไปที่โรงพยาบาลอรัญประเทศเพื่อให้คุณหมอดู วันนั้นได้พบกับนายแพทย์ชาญยุทธ์ ตุรานนท์ นายแพทย์ชาญยุทธ์บอกว่าที่โรงพยาบาลอรัญไม่มีเครื่องมือ จึงส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช สระแก้ว ได้พบกับนายแพทย์ประชา ซึ่งเป็นนายแพทย์ประจำทาง โสต ศอ นาสิก ครั้งแรกนายแพทย์ประชาก็ตัดชิ้นเนื่อไปตรวจ แต่ไม่พบมะเร็ง ครั้งที่สองก็เช่นเดียวกันไม่พบมะเร็ง พอครั้งที่สามนาบแพทย์ประชาบอกว่าใข่มะเร็ง
วันนี้ทั้งวันก็อยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว นายแพทย์ประชาให้เอ็กเรย์คอมพิวเตอร์ , เจาะเลือด, ตรวจปัสสาวะ ,ตรวจวัดหัวใจ ฯลฯ
หลังจากนั้นวันที่ 2 กันยายน 2556 ก็ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร นายแพทย์โรงพยาบาลตรวจและนัดให้ไป (ประชุม) ใหม่วันที่ 10 กันยายน 2556
วันที่ 10 กันยายน 2556 ออกเดินทางจากวัดสุขสำราญไปพบแพทย์ตามนัด ออกจากว้ดเวลา 03.10 น. เพื่อไปนั่งรถตู้ที่อรัญประเทศ รถตู้ออกจากอรัญเวลา 04.00 น. ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 08.15 น. รีบเดินเข้าโรงพยาบาลเพราะหมอนัดเวลา 08.00 น. เข้าถึงโรงพยาบาลก็ประมาณ 08.35 น. เลยเวลานัดนิดหน่อย แต่ก็ทัน ยื่นในนัดให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ให้นั่งรอพร้อมคนไข้ที่จะร่วมเข้าห้องประชุมอีกหลายท่าน จนกระทั่งได้เวลาสักระยะหนึ่งนายแพทย์ก็ทยอยเข้าห้องประชุม สักครู่ก็เรียกคนไข้ ครั้งละ 1 รายชื่อเข้าห้องประชุม รายชื่ออาตมาอยู่กลางๆ คุณหมอเรียกเข้าไปแล้วก็ให้อ้าปากเพื่อจะใช้กล้องตัวเล็กๆ ส่องเข้าไปในบริเวณที่เนื้องอก เราจะเห็นภาพได้พร้อมกับนายแพทย์ที่เข้าร่วมประชุมจากจอโปรเจคเตอร์ หลังจากนั้นคุณหมอก็ให้ออกไปรออีห้องๆ หนึ่ง สุดท้ายก็พบคุณหมออีกท่านหนึ่ง คุณหมอก็ดูที่ช่องปากบริเวณเนื้องอก และท้ายสุดคุณหมอบอกว่าจะให้ไปรักษาต่อด้วยการผ่าตัดที่โรงพยาบาลสงฆ์ คุณหมอบอกว่าถ้ารอคิวโรงพยาบาลราชวิถีจะได้ผ่าตัดก็เดือนธันวาคม จึงให้ไปโรงพยาบาลสงฆ์เพราะจะได้ผ่าตัดเร็ว และอีกประการหนึ่งเห็นเป็นพระภิกษุด้วยซึ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลสงฆ์จะมีตึกสงฆ์สะดวกกว่าราชวิถี นายแพทย์แนะนำ และก็บอกว่าให้นั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปโรงพยาบาลสงฆ์ คุณหมอมีเอกสารให้ถือไปด้วย
ตกลงวันนั้น (10 กันยายน 2556 ) นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างถึงโรงพยาบาลสงฆ์เกือบเที่ยง ติดบ่าย พอบ่ายเจ้าหน้าที่ก็ทำเรื่องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ ประมาณ 16.00 น.เจ้าหน้าที่ก็พาไปที่ตึกเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา ชั้น 6 ห้อง โสด ศอ นาสิก
วันที่ 11 กันยายน 2556 ได้พบนายแพทย์ที่จะผ่าตัดคือ นายแพทย์ธีรภัทร์ จงสัจจา คุณหมอบอกว่าพรุ้งนี้ผ่า (12 ก.ย.56) เวลาบ่าย 3 โมง ก็มี เจ้าหน้าที่วิสัญญี ขึ้นมาคุย สอบถามเกี่ยวกับการผ่าตัด และพูดถึงเรื่องวางยาสลบด้วย
วันที่ 12 กันยายน 2556 เวลาประมาณ 05.00 น. พยาบาลนำชุดเข้าห้องผ่าตัดมาให้เปลี่ยน และให้น้ำเกลือ เวลา 08.00 น. มีพนักงานเอาราเข็นมารับ เข้าห้องผ่าตัด..
รู้สึกตัวอีกที อยู่ห้อง ICU
วันนี้ทั้งวันก็อยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว นายแพทย์ประชาให้เอ็กเรย์คอมพิวเตอร์ , เจาะเลือด, ตรวจปัสสาวะ ,ตรวจวัดหัวใจ ฯลฯ
หลังจากนั้นวันที่ 2 กันยายน 2556 ก็ส่งตัวรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี กรุงเทพมหานคร นายแพทย์โรงพยาบาลตรวจและนัดให้ไป (ประชุม) ใหม่วันที่ 10 กันยายน 2556
วันที่ 10 กันยายน 2556 ออกเดินทางจากวัดสุขสำราญไปพบแพทย์ตามนัด ออกจากว้ดเวลา 03.10 น. เพื่อไปนั่งรถตู้ที่อรัญประเทศ รถตู้ออกจากอรัญเวลา 04.00 น. ถึงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 08.15 น. รีบเดินเข้าโรงพยาบาลเพราะหมอนัดเวลา 08.00 น. เข้าถึงโรงพยาบาลก็ประมาณ 08.35 น. เลยเวลานัดนิดหน่อย แต่ก็ทัน ยื่นในนัดให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ให้นั่งรอพร้อมคนไข้ที่จะร่วมเข้าห้องประชุมอีกหลายท่าน จนกระทั่งได้เวลาสักระยะหนึ่งนายแพทย์ก็ทยอยเข้าห้องประชุม สักครู่ก็เรียกคนไข้ ครั้งละ 1 รายชื่อเข้าห้องประชุม รายชื่ออาตมาอยู่กลางๆ คุณหมอเรียกเข้าไปแล้วก็ให้อ้าปากเพื่อจะใช้กล้องตัวเล็กๆ ส่องเข้าไปในบริเวณที่เนื้องอก เราจะเห็นภาพได้พร้อมกับนายแพทย์ที่เข้าร่วมประชุมจากจอโปรเจคเตอร์ หลังจากนั้นคุณหมอก็ให้ออกไปรออีห้องๆ หนึ่ง สุดท้ายก็พบคุณหมออีกท่านหนึ่ง คุณหมอก็ดูที่ช่องปากบริเวณเนื้องอก และท้ายสุดคุณหมอบอกว่าจะให้ไปรักษาต่อด้วยการผ่าตัดที่โรงพยาบาลสงฆ์ คุณหมอบอกว่าถ้ารอคิวโรงพยาบาลราชวิถีจะได้ผ่าตัดก็เดือนธันวาคม จึงให้ไปโรงพยาบาลสงฆ์เพราะจะได้ผ่าตัดเร็ว และอีกประการหนึ่งเห็นเป็นพระภิกษุด้วยซึ่งถ้าเป็นโรงพยาบาลสงฆ์จะมีตึกสงฆ์สะดวกกว่าราชวิถี นายแพทย์แนะนำ และก็บอกว่าให้นั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปโรงพยาบาลสงฆ์ คุณหมอมีเอกสารให้ถือไปด้วย
ตกลงวันนั้น (10 กันยายน 2556 ) นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างถึงโรงพยาบาลสงฆ์เกือบเที่ยง ติดบ่าย พอบ่ายเจ้าหน้าที่ก็ทำเรื่องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสงฆ์ ประมาณ 16.00 น.เจ้าหน้าที่ก็พาไปที่ตึกเจ้าฟ้ากัลยานิวัฒนา ชั้น 6 ห้อง โสด ศอ นาสิก
วันที่ 11 กันยายน 2556 ได้พบนายแพทย์ที่จะผ่าตัดคือ นายแพทย์ธีรภัทร์ จงสัจจา คุณหมอบอกว่าพรุ้งนี้ผ่า (12 ก.ย.56) เวลาบ่าย 3 โมง ก็มี เจ้าหน้าที่วิสัญญี ขึ้นมาคุย สอบถามเกี่ยวกับการผ่าตัด และพูดถึงเรื่องวางยาสลบด้วย
วันที่ 12 กันยายน 2556 เวลาประมาณ 05.00 น. พยาบาลนำชุดเข้าห้องผ่าตัดมาให้เปลี่ยน และให้น้ำเกลือ เวลา 08.00 น. มีพนักงานเอาราเข็นมารับ เข้าห้องผ่าตัด..
รู้สึกตัวอีกที อยู่ห้อง ICU
มะเร็งเป็นเพราะกรรมใช่ไหม ?
มีหลายท่านบอกว่า มะเร็ง เป็นเพราะกรรมเก่า เรื่องนี้ในส่วนตัวอาตมาคิดว่ามะเร็งกับกรรมมันคนละเรื่องกัน แต่ก็ไม่เถียงท่านผู้รู้ทั้งหลาย (รู้ตามตำรา,รู้ตามที่เขาพูดกันมา. รู้ตามคาดคะเนเอาตามการ,รู้ตามอ้างเหตุอ้างผล,รู้ตามที่ผู้พูดเป็นคนที่พอเชื่อถือได้ ฯลฯ เป็นต้น) คนเราส่วนมากพอหาเหตุไม่ได้ก็มักจะเหมาเอา กรรม มาเป็นเหตุ หลายเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องมะเร็งเรื่องเดียว อาตมาว่าคนพวกนี้เชื่อถือไม่ได้ เพราะไม่มีข้อพิสูจน์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ได้ว่ามะเร็งเป็นเพราะกรรม โดยเฉพาะกรรมเก่าท่านผู้รู้ทั้งหลาย (รู้มาก) พระพุทธเจ้าสอนเรื่่องกรรมก็สอน สอนเรื่องศรัทธาความเชื่อก็สอน หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าสอนต้องเป็นวิทยาศาสตร์ตามบทพระธรรมคุณที่ว่า "เอหิ ปสฺสิโก " เชิญท่านเข้ามาพิสูจน์ดูได้ โอปนยิโก ควรน้อมเข้ามาใส่ตน ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหื ผู้ก็รู้ได้เฉพาะตน เป็นต้น
เรื่องศรัทธาความเชื่อใน กาลามสูตร พระพุทธเจ้าก็สอนไว้ 10 ข้อ เราชาวพุทธ(แท้)ก็ต้องศึกษาด้วย ไม่ใช่ฟังตามกันมาอย่างเดียว ในกาลามสูตร 10 ข้อนั้นมีดังนี้
1 อย่าเชื่อโดยเหตุแต่ฟังตามๆ กันมา
2 อย่าเชื่อโดยเหตุแต่การถือสิบๆ กันมา
3 อย่าเชื่อโดยการเล่าลือ
4 อย่าเชื่อโดยการอ้างตำราหรือคัมภีร์
5 อย่าเชื่อโดยการตรรก
6 อย่าเชื่อโดยการอนุมาน
7 อย่าเชื่อโดยการอ้างเหตุอ้างผล
8 อย่าเชื่อโดยเข้ากับความคิดของตน
9 อย่าเชื่อโดยรูปลักษ์ว่าน่าเชื่อ
10 อย่าเชื่อโดยผู้พูดหรือสมณะนี้เป็นครูของเรา
ถามว่าแล้วใน 10 ข้อนี้เราควรเชื่ออะไร ?
ตอบว่า เมื่อเราพิจารณาด้วยปัญญาว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษไม่มีโทษเป็นต้นแล้ว จีงควรละหรือปฏิบัติตามนั้น
ทางเลือกใหม่ในการรักษามะเร็ง
การรักษามะเร็งแบบมาตรฐานในประเทศไทยเราจะมี 3 วิธี คือ
1. การศัลกรรม หรือ การผ่าตัด
2. การรักษาด้วยเคมีบำบัด โดยฉีดเคมี คีโม เข้าทางเส้นเลือดดำ
3. การรักษาด้วยรังสี หรือ การฉายแสง
ทางเลือกใหม่ในการรักษามะเร็ง
การรักษามะเร็งแบบมาตรฐานในประเทศไทยเราจะมี 3 วิธี คือ
1. การศัลกรรม หรือ การผ่าตัด
2. การรักษาด้วยเคมีบำบัด โดยฉีดเคมี คีโม เข้าทางเส้นเลือดดำ
3. การรักษาด้วยรังสี หรือ การฉายแสง
ปัจจุบันโรงพยาบาลจุฬาภรณ์
ผู้ป่วยมะเร็งเฮ! รพ.จุฬาภรณ์ นำเข้าเครื่อง Thermotron-RF8 ราคากว่า 50 ล้านบาท ใช้ความร้อน 43 องศา ทำลายเซลล์มะเร็งได้ทุกตำแหน่ง ทุกระยะโรค ร่วมกับการรักษาแนวทางอื่น ระบุให้ผลดียิ่งขึ้น ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงบริการ เตรียมให้การรักษาสิ้น เม.ย.
| |||
วันนี้ (20 มี.ค.) ที่โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ศ.นพ.พิทยภูมิ ภัทรนุธาพร ผอ.รพ.จุฬาภรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเครื่องเทอโมตรอน-อาร์เอฟแปด (Thermotron-RF8) ซึ่งเป็นเครื่องมือรักษามะเร็งทางเลือกใหม่ ว่า เครื่องดังกล่าวเป็นการรักษามะเร็งด้วยความร้อน เรียกว่า “ไฮเปอร์เธอร์เมีย” (Hyperthermia) นับเป็นอีกทางเลือกในการใช้ร่วมกับการรักษาในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งการผ่าตัด การฉายรังสี และการใช้ยาเคมีบำบัด โดยเครื่อง Thermotron-RF8 นั้นนำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งมีการใช้มานานกว่า 20 ปี ราคาประมาณ 50 ล้านบาท มีศักยภาพใช้งานได้เป็น 10 ปี ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้นำมาติดตั้งเป็นครั้งแรกของไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้การรักษา รวมทั้งวิจัยศึกษา เป็นการพัฒนาการรักษาเพื่อก้าวสู่ศูนย์รักษามะเร็งครบวงจร (Comprehensive Cancer Center) และทำให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงการรักษามากขึ้น ตามพระราชดำรัสของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี องค์ประธาน รพ.จุฬาภรณ์ ว่าให้ทำทุกอย่างเพื่อช่วยผู้ป่วยคนไทยได้รับโอกาสการรักษาทัดเทียมต่างประเทศ
ศ.นพ.พิทยภูมิ กล่าวว่า หลักการทำงานของเครื่องคือ การใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ให้พลังงานความร้อนที่อุณหภูมิ 43 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ทำลายเซลล์มะเร็งได้ เนื่องจากเซลล์มะเร็งเป็นเนื้อร้าย ไม่มีความยืดหยุ่นทำให้เก็บกักความร้อนจนทำลายตัวเอง ขณะที่เนื้อเยื่อปกติมีความยืดหยุ่นจะถ่ายเทความร้อนออกสู่ร่างกายเอง โดยไม่ส่งผลใดๆ ทั้งนี้ สามารถทำลายได้ทั้งเซลล์มะเร็งที่อยู่ไม่ลึกจากผิวหนัง และลึกลงไปภายในร่างกาย ใช้ทำการรักษาได้ในเกือบทุกตำแหน่งอวัยวะ แต่เป็นแบบเจาะจงได้ตรงตำแหน่งก้อนเนื้องอก ทำให้มีขนาดก้อนที่เล็กลงหรือหยุดการเจริญเติบโต และรักษาได้ทุกระยะ เป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยมะเร็งทุกชนิด | |||
“การทำงานจะได้ผลดีเมื่อใช้ร่วมกับการรักษาแนวอื่น ทั้งการฉายรังสี และการให้เคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ ซึ่งข้อดีคือช่วยให้ผู้ป่วยไม่ทรมาน ลดผลข้างเคียงจากการรักษาแนวอื่น เช่น ลดการฉายรังสีเหลือ 50-60% แต่ผลการรักษาเท่ากัน อาการข้างเคียงไม่มี ซึ่งเดิมทีหากฉายรังสี 100% ผู้ป่วยอาจรับไม่ไหว หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องตับอ่อนจะรักษายากมาก เพราะผ่าตัดหรือฉายรังสีไม่ได้ ต้องใช้เคมีบำบัด ซึ่งอาจได้ผล 30-40% แต่หากใช้วิธีนี้ร่วมด้วย จะทำให้ผลการรักษาเพิ่มขึ้นอีก” ผอ.รพ.จุฬาภรณ์ กล่าว
ศ.นพ.พิทยภูมิ กล่าวว่า ข้อควรระวังคือผู้ป่วยที่มีการผ่าตัดและบริเวณผิวหนังมีพังผืด เนื่องจากความร้อนจะกระทบต่อผิวหนังมีอาการแดงได้ แต่ที่ควรหลีกเลี่ยงคือกลุ่มที่มีการผ่าตัดใส่ลิ้นหัวใจหรือผ่าตัดใส่โลหะ อาจมีผลต่อการใช้เครื่องนี้ ทั้งนี้ โรงพยาบาลจะเปิดรักษาผู้ป่วยด้วยเครื่องดังกล่าวใน เม.ย.2557 สำหรับสิทธิการเบิกจ่ายได้นั้น ขณะนี้ได้เพียงสิทธิสวัสดิการข้าราชการ แต่ไม่ทั้งหมด ส่วนสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และประกันสังคม ยินดีรับผู้ป่วยเข้ารักษา แต่ต้องให้ต้นสังกัดส่งต่อ อาตมา...แนะนำโรงพยาบาล |
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น